เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าการเล่นโยคะมีประโยชน์ของร่างกายตนเองในหลายๆด้าน แถมบางท่ายังสามารถฝึกได้ง่ายอย่างเช่นท่าเด็กหมอบ ที่ทำแค่ก้มตัวไปข้างหน้า ก็ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก ถ้าอยากรู้ว่าท่านี้มีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากเพื่อนๆไปดูกันเลย
ก่อนอื่นเลยเรามาดูวิธีฝึกโยคะท่าเด็กหมอบตามขั้นตอนที่ถูกต้องกันดังนี้
- ให้นั่งคุกเข่าเท้าชิดกัน เหยียดปลายเท้าและข้อเท้าไปข้างหลัง โดยต้องนั่งบนส้นเท้า
- หายใจออกพร้อมกับก้มตัวลง วางหน้าลงบนพื้น คอตรงไม่เอียง ก้นอยู่บนส้นเท้า ถ้าหากก้มไม่ได้ให้ยกก้นขึ้นเล็กน้อย
- เหยียดแขนขึ้นไปเหนือหัวให้ได้มากที่สุด แล้วกดฝ่ามือลงให้แนบกับพื้น หรือจะกำมือหลวมๆแล้วหงายมือขึ้น เหยียดแขนไปทางด้านปลายเท้าให้ได้มากที่สุด ค้างไว้ประมาณ 30 วินาทีแล้วจึงคลายท่าออก
ส่วนประโยชน์ของโยคะท่าเด็กหมอบประกอบไปด้วย
- ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น คือ เมื่อเวลาที่เราก้มลงทำท่าเด็กหมอบจะทำให้ท้องของเราแนบติดกับต้นขา เมื่อเราหายใจเข้า-ออกช้าๆ จะเปรียบเหมือนกับเรานวดอวัยวะภายในช่องท้องไปในตัว ซึ่งทำให้ระบบย่อยอาหารสามารถทำงานได้ดีขึ้น แถมยังช่วยนวดลำไส้และขับลมในร่างกาย
- ช่วยลดอาการปวดหลัง เพราะสามารถยืดกล้ามเนื้อให้ยืดหยุ่นมีความผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งบริเวณหลัง ช่วงล่าง สะโพก และต้นขา
- ช่วยยืดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณหลังช่วงล่าง สะโพก ต้นขา และข้อเท้า ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นผ่อนคลาย ยืดหยุ่น และเคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากขึ้น
- ทำให้จิตใจเราสงบ มีสมาธิ
- ช่วยลดความเครียด คือ ระหว่างที่เราหายใจเข้า-ออกนั้นสามารถช่วยให้จิตใจเราสงบได้ ทำให้สมองมีการผ่อนคลาย ทั้งยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท เนื่องจากการก้มหัวในระยะเวลาหนึ่งช่วยให้เลือดสามารถไหลลงไปเลี้ยงสมองได้อย่างทั่วถึง จงช่วงเพิ่มความจำได้ดี ลดอาการความจำเสื่อม
- สามารถช่วยในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานอนได้ เพราะท่าเหล่านี้ช่วยลดความเครียดและอาการอ่อนล้าลง ร่างกายและสมองเราจึงได้ผ่อนคลายมากขึ้น
- เติมพลังให้ร่างกาย ช่วยให้อารมณ์และร่างกายของเรามีความสดชื่นมากขึ้น เนื่องจากท่าเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและจิตใจสงบ
อย่างไรก็ตาม แม้ท่านี้จะดูแล้วสามารถทำได้ง่ายๆ ใครๆก็สามารถที่จะทำได้ แต่ยังมีข้อยกเว้นคือสตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีอาการท้องร่วงและที่ผู้ปวดเมื่อยบริเวณเข่าและกล้ามเนื้อขา ไม่ควรที่จะทำท่านี้ เพราะเป็นท่าที่มีการก้ม อาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์หรือที่มีอาการปวดท้อง และกล้ามเนื้อมีการปวดเพิ่มมากขึ้นหรืออาจที่จะเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์