เมื่อกล่าวคำว่า “เมืองผีสิง” มันช่างดูน่าขนลุกสยองขวัญ แต่ใครจะเชื่อว่าเมืองที่ถูกเรียกว่าเมืองผีสิงเหล่านี้เคยเป็นแหล่งเหมืองแร่ที่เคยมีผู้คนมากมายอาศัยอยู่กันอย่างคึกคักแล้วมาแปรเปลี่ยนเป็นเมืองที่ถูกทิ้งร้างอย่างเช่นในปัจจุบัน เรามีเรื่องราวที่น่าสนใจและมีเสน่ห์ที่จะนำเสนอเกี่ยวกับ “เมืองผีสิง” ที่โด่งดังที่สุดของประเทศอเมริกา
1. Bodie — รัฐแคลิฟอร์เนีย (California)
เมื่อประมาณปี 1876 เมืองแห่งนี้เคยเป็นเหมืองขุดแร่เงินและแร่ทองคำ มันเป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองมั่งคั่งมากที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่มากกว่า 10,000 คน พวกเขาเรียกตัวเองว่า “Bodie home” (ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นสุดท้ายที่อาศัยอยู่เมื่อปี 1940) ณ ปัจจุบันมันถูกเรียกว่าเป็น “เมืองผีสิง” “ghost town” มีก่อสร้าง อาคารมากกว่า 150 แห่ง รวมถึงโบสถ์ ที่ทำการไปรษณีย์ และร้านค้ามากมายพังยับเยินและแน่นอนไร้ผู้คนอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้
2. Cahawba — รัฐแอละแบมา (Alabama)
ณ ปัจจุบันเมืองผีสิงทางตอนใต้ของอเมริกาแห่งนี้รู้จักกันในชื่อ “Old Cahawba Archaeological Site” เมือง Cahawba เคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของรัฐแอละแบมา (Alabama) เมื่อในยุคกลางเมืองที่แห่งนี้ยังเคยเป็นเมืองท่าเรือสำหรับการขนส่งเส้นใยฝ้ายโดยเรือกลไฟในแม่น้ำแอละแบมา และในช่วงสงครามกลางเมืองมันกลายเป็นโกดังเก็บเส้นใยฝ้ายให้กับนักโทษและทหาร
3. Virginia City and Nevada City — รัฐมอนแทนา (Montana)
เมืองผี 2 แห่งนี้เคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมากที่สุดแห่งนี้ในอเมริกา มันอยู่ห่างกันเป็นระยะทาง 1 ไมล์และเชื่อมต่อกันด้วยทางรถไฟ มันเป็นสถานที่ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้ที่ชอบเดินตามรอยเท้าเพื่อสำรวจเรื่องราวในอดีตของคาวบอย คนขุดแร่ ร้านค้าเก่าแก่และมือปืนในตำนาน ตัวบ้านและอาคารของทั้งสองเมืองนี้ทำจากไม้ทั้งหมด และ Calamity Jane (ทหารหญิงราดตระเวนผู้มีชื่อเสียงชาวอเมริกา) ก็เคยอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้เช่นกัน
4. South Pass City — รัฐไวโอมิง (Wyoming)
เมืองร้างแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1876 เมื่อกลุ่มนักสำรวจและขุดแร่ชาวมอร์มอน (Mormon) ได้ค้นพบแร่ทองรอบ ๆ ภูเขา
สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่กลายเป็นอาคารรกร้างวังเว้ง อาทิเช่น คุก Sweetwater County และ โรงซ่อมรถ ถ้าคุณรักการเดินทางสำรวจย้อนรอยอดีต ที่เหมือง Carissa แห่งนี้ได้เปิดให้นักเดินทางเข้าไปเยี่ยมชม
5. Terlingua — รัฐเท็กซัส (Texas)
เมืองเหมืองแร่ปรอทแห่งนี้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล Big Bend ทางตะวันตกของรัฐเท็กซัส เป็นเมืองร้างที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ชอบสำรวจเรื่องราวในอดีตได้เข้าไปสัมผัสถึงบรรยากาศจริงในอดีต ในแต่ละปีของเดือนพฤศจิการยนจะมีเทศกาลทำอาหารจากพริกนานาชนิด มีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความท้าทายก็จะพากันกลางเต็นท์หรือพักอาศัยในอาคารว่างรกร้างนี้ สถานที่นำเสนอคือ Starlight Theatre ซึ่งเป็นร้านอาหารและบาร์ที่ยังเก็บบรรยากาศและการบริการในแบบฉบับดั้งเดิม
ดั้งเดิมเป็นเหมืองแร่ทองแดง ก่อสร้างโดย Kennecott Copper Corporation เป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งหนึ่งในปี 1991 – 1938 มันถูกทิ้งร้างอย่างไม่ทันตั้งตัวด้วยเหตุความขาดแคลนแร่ทองแดง ประกอบไปด้วย 14 โรงสีขนาดใหญ่ โรงไฟฟ้า โรงพยาบาล และอาคารอื่น ๆ อีกหลายแห่ง ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ในประวัติศาสตร์
7. Thurmond — รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย (West Virginia)
ณ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอาคารที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ศูนย์กลางค้า สถานีขนส่ง หรือที่ทำการไปรษณีย์ทำให้มันกลายเป็นเมืองรกร้องหรือ “เมืองผีแห่ง Thurmond” ที่ชวนขนลุก ครั้งหนึ่งเมืองแห่งนี้เคยเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากตามแนวอ่าวเชซาพีก (Chesapeake) และตามแนวรถไฟโอไฮโอ (Ohio) ก่อนที่ผู้อาศัยจะพากันอพยพย้ายออก กล่าวกันว่า ณ ปัจจุบันมีผู้อาศัยเหลืออยู่ไม่กี่หลังคาเรือนตามเนินเขา
8. Glenrio — รัฐนิวเม็กซิโกและรัฐเท็กซัส (New Mexico and Texas)
ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อยามถนน Route 66 เป็นที่โด่งดังในอเมริกา ที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการให้บริการต่าง ๆ แก่นักขับขี่มอเตอร์ไซค์ Glenrio เป็นร้านที่ตั้งอยู่ในเขตชายแดนของรัฐนิวแม็กซิโกและเท็กซัสเป็นที่ให้บริการเติมน้ำมัน อาหาร ดินเนอร์ และที่พักค้างคืนแก่ผู้คนที่สันจรผ่านไปมา แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันมันกลายเป็นเมืองผี มีเพียงแค่นักเดินทางเพียงไม่กี่คนที่จะแวะมาเยี่ยมทักทายมัน
9. Rhyolite — รัฐเนวาดา (Nevada)
เป็นเมืองขุดทองที่อยู่ใกล้หุบเขามรณะแห่งแคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อาศัยอยู่มาเนินนานแล้ว มันเป็นเมืองที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1904 ที่ในอดีตมีศูนย์ตลาดหลักทรัพย์ ตึกสีแดงสดใสของที่ว่าการอำเภอ แต่ทั้งหมดนี้สิ้นสุดลงในปี 1916 ผู้ที่เข้าไปเยี่ยมชมจะพบเพียงสิ่งพุผังของอาคารก่อสร้างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร ร้านค้า และเรือนจำ
10. St. Elmo — รัฐโคโลราโด (Colorado)
St. Elmo ที่นี่เป็นเมืองผีอีกแห่งหนึ่งที่น่าไปเยือน มันเคยเป็นเมืองเหมืองแร่ทองคำและแร่เงินในหุบเขา Chalk Creek มีอาคารหลายสิบหลังที่ยังคงมีอยู่ให้เราได้เยี่ยมชม อาทิเช่น ศาล ร้านค้า และบ้านเรือนอาศัย ในปัจจุบันมีร้านค้าที่เปิดให้บริการเพื่อทำการค้าและจำหน่ายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว
11. Swan Island — รัฐเมน (Maine)
ชาวพื้นเมืองท้องถิ่นพูดถึงเกาะแห่งนี้ว่า “เกาะผี” ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในแม่น้ำ Kennebec เมือง Richmond (ห่างจากทางตอนเหนือของประเทศ Portland 1 ชั่วโมง) ในอดีตเมื่อปี 1700 เกาะแห่งนี้เคยเป็นท่าเรือข้ามฟาก มีบ้านสไลต์ย้อนยุคในศตวรรษที่ 17 จำนวน 5 หลังและมีสุสาน ณ ปัจจุบันมันกลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด เช่น นกอินทรีหัวล้านและกวาง ผู้คนที่มาเที่ยวพักแรมที่นี่ส่วนใหญ่กลัวที่จะออกจากค่ายพักแรกในเวลากลางคืน
12. Goldfield Ghost Town — รัฐแอริโซนา (Arizona)
เมือง Goldfield ห่างทางตะวันตกของ Phoenix ประมาณหนึ่งชั่วโมง ที่นี่เป็นเมืองผีที่ในอดีตเคยรุ่งเรือง ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ คุณสามารถทัวร์เมืองแห่งนี้ด้วยรถไฟท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ทองคำของเหมืองในช่วงที่รุ่งเรืองอย่างสูงสุดในทศวรรษที่ 1890 ในที่แห่งนี้ยังมีห้องอาหารให้บริการและมีการแสดงการต่อสู้ของมือปืนบนถนนให้ได้ชม
13. Calico Ghost Town — รัฐแคลิฟอร์เนีย (California)
ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว “เมืองผี” ที่ไม่ควรพลาด อดีตเคยเป็นเมืองเหมืองแร่เงินที่มีความมั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในยุค 1880 และถูกทอดทิ้งเมื่อปี 1907 เล่นทางสายหลักและอาคารต่าง ๆ รวมทั้งโรงเรียน ที่ทำการไปรษณีย์ ร้านตีเหล็ก โรงซ่อมรถ และร้านค้าทั่วไปยังอยู่ในสภาพดั่งเดิม
15. Animas Forks — รัฐโคโลราโด (Colorado)
Animas Forks แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1873 และถูกทิ้งร้างในช่วงทศวรรษที่ 1920 เนื่องจากการทำเหมืองที่ได้มูลค่าลดลง เมืองผีแห่งนี้อยู่ในเทีอกเขา San Juan อยู่ที่ระดับความสูง 11,200 ฟุต ณ ปัจจุบันโครงสร้างอาคารต่าง ๆ พากันพุพัง ไม่ว่าจะเป็นส่วนของคุก ที่พักอาศัยของชาวเหมือง บ้าน Duncan ที่เป็นบ้านของชาวเหมืองผู้ที่รำ่รวยที่สุดที่ชื่อว่า William Duncan
ขอบคุณที่มาของภาพและเรื่องจาก https://www.bestproducts.com