ที่สุดเหนือใคร

แข่งขันยิงธนูแม่นเป๊ะ

ณ เมืองหนึ่งในดินแดนอันไกลโพ้น  มีพระราชาองค์หนึ่งพระองค์ทรงรักการยิงธนูเป็นชีวิตจิตใจ  พระองค์ทรงต้องการหาชายหนุ่มที่มีความสามารถในการยิงธนูเพื่อมาแต่งงานกับพระธิดาอันเลอโฉมของพระองค์  โดยทรงให้ทหารไปป่าวประกาศให้หนุ่มๆ จากทั่วสารทิศมาทำการแข่งขันยิงธนูเพื่อหาสุดยอดนักธนูที่ยิงแม่นเป๊ะที่สุดในปฐพี

ปรากฎว่ามีชาย 3 คนเข้าร่วมในครั้งนี้   โดยเป้าหมายคือการยิงให้ถูกลูกแอ๊ปเปิ้ลที่วางไว้ที่เสาไม้

ชายคนแรกยิงปักเข้าที่กลางเป้าหมายอย่างแม่นยำ  ผู้คนตบมือกันดังสนั่น ชายคนแรกโค้งคำนับแล้วพูดว่า I’m Robinhood” สุดยอดนักธนูจากป่าเชอร์วูด แล้วก็เดินกลับไปยังที่นั่ง Mattress in Dubai

ชายคนที่สองทำการยิงบ้าง โดยทหารกำลังจะเดินไปเอาลูกธนูออกจากลูกแอ๊ปเปิ้ล  แต่เขากลับปฏิเสธ  แล้วเขาก็ยิงเข้าไปเสียบตรงลูกธนูดอกแรกอย่างแม่นยำและทะลุไปสู่ลูกแอ๊ปเปิ้ล

ชายคนที่สองโค้งคำนับแล้วพูดว่า I’m Peter Pan” สุดยอดนักยิงธนูในเทพนิยาย

เสียงปรบมือจากผู้ชมดังสนั่นกว่าเดิม

ชายคนสุดท้ายเดินออกมาอย่างมั่นใจแล้วบอกว่า “มันง่ายเกินไปที่จะยิงลูกแอ๊ปเปิ้ลที่วางบนเสาไม้”  เขาจึงขอทหารอาสาสมัคร และวางลูกแอ๊ปเปิ้ลไว้บนศีรษะของทหารผู้นั้น

เขาเล็งเป้าหมายและง้างคันธนูยิงออกไปเต็มแรง   ลูกศรพุ่งแหวกอากาศเข้าที่หน้าผาก เลือดทะลัก ทหารคนนั้นล้มลงขาดใจตายทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ชม…

ชายคนที่ 3 โค้งคำนับแล้วพูดว่า “I’m sorry”

แล้วเขาก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว…

พ่อของใครไวกว่ากัน

วันหนึ่งมีนักเรียนนักเลงชาย 3 คน คือ กัลป์,แสนและเพลิง ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเสียงดัง ต่างคุยโม้โอ้อวดกัน โดยท้าทายกันว่าพ่อของใครจะไวกว่ากัน

กัลป์ :  “เอ็งเชื่อไหมว่า พ่อข้าไวที่สุดเลย พ่อข้าเป็นนักยิงธนูทีมชาติ  ขณะที่พ่อข้ายิงธนูออกไปสู่เป้า  พ่อข้าก็สามารถวิ่งไปคว้าลูกธนูไม่ให้ถูกเป้าได้”

แสน :  “ข้าว่าพ่อข้าไวกว่าพ่อเอ็งนะ  เพราะว่าพ่อข้าเป็นนักยิงปืนทีมชาติ   ขณะที่พ่อข้ายิงปืนออกไปกำลังจะถึงเป้า พ่อข้าสามารถวิ่งไปถึงเป้าได้ก่อนลูกปืนเสียอีก”

เมื่อคุยจบทั้งแสนและกัลป์จึงหันมาถามเพื่อน คือ เพลิง ว่า “แล้วพ่อของเอ็งไวกว่าป่ะ”

เพลิง  ยิ้มแล้วคุยทับไปว่า :  ” พ่อข้าเป็นข้าราชการโว้ย  ไวกว่าเยอะ”

แสนและกัลป์  ถามกลับไปพร้อมกันว่า :  “พ่อเอ็งเป็นข้าราชการแล้ว  ไวกว่าตรงไหนว่ะ”

เพลิง  ตอบกลับไปว่า :  “ก็งานเลิกสี่โมงเย็นแต่แค่สามโมงกว่าๆ  พ่อข้าก็กลับมาถึงที่บ้านแล้วโว้ย  ไวป่ะล่ะ”